ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ตลาด ยังซึม อสังหาฯรายกลางเน้นประคองตัว "ซื่อตรง-เปี่ยมสุข-ดีแลนด์-เฉลิมนคร" ลดสต๊อกบ้านสร้างเสร็จ 50% แก้ปัญหาเงินจม สร้างสภาพคล่องมุ่งขายบ้านสั่งสร้าง ทยอยลดเป้ายอดขาย-รับรู้รายได้ 10-30% "สัมมากร" เลื่อนเปิด 2 โครงการใหม่ไปปีหน้า
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจพบว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางที่มียอดขายต่อปี 300-1,000 ล้านบาท เริ่มจะปรับตัวปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ แม้การเมืองจะเริ่มคลี่คลาย แต่ภาพรวมความเชื่อมั่นของผู้ซื้อบ้านและปัญหาเศรษฐกิจยังชะลอตัวต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยปรับลดปริมาณบ้านสร้างเสร็จ 30-50% เพื่อให้สอดคล้องกับยอดขายจริง พร้อมปรับลดประมาณการยอดขายและยอดรับรู้รายได้ทั้งปี
เน้นประคองตัว ลดสต๊อกบ้าน
นาย รุ่งรัตน์ ลิ่มทองแท่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซื่อตรง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของจัดสรร "บ้านซื่อตรง" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากตลาดที่ชะลอตัว บริษัทได้วางกลยุทธ์ใหม่แบบประคองตัวไปถึงสิ้นปี แม้ปัจจุบันบรรยากาศความเชื่อมั่นจะเริ่มดีขึ้น หลัง คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ประกาศแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ในแง่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยยังไม่ฟื้นตัว คงต้องใช้เวลาอีก 3 เดือน ล่าสุดได้ลดสต๊อกบ้านสร้างเสร็จ 50% จาก 4 โครงการ ประมาณ 20-30 ยูนิต เหลือเพียง 8-9 ยูนิต
พร้อมติดตามยอดขาย ยอดโอนอย่างใกล้ชิดเป็นรายสัปดาห์ เมื่อถึงสิ้นเดือนหากทำได้ต่ำกว่าเป้า จะเร่งหาทางแก้ไขและปรับสต๊อกบ้านในแต่ละโครงการให้เหมาะสม เพราะบริษัทขนาดกลางจะไม่มีสภาพคล่องทางการเงินเท่ากับรายใหญ่ จึงตัดสินใจใช้วิธีการนี้ ทั้งปรับลดประมาณการยอดขายปีนี้ลง 20% จาก 1,500 ล้านบาท เหลือ 1,200 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้ามาก ส่วนยอดรับรู้รายได้ปรับลง 20-30% จากเดิมตั้งเป้า 1,200 ล้านบาท เหลือเพียง 800-1,000 ล้านบาท
"อสังหาฯปีนี้เป็นปีปราบเซียนต้อง ระมัดระวัง ก่อนหน้านี้บริษัทเพิ่งเปิดตัวบ้านเดี่ยวที่เทศบาลตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ยอดขาย 2 เดือนที่ผ่านมาขายได้เดือนละ 3 ยูนิต จากที่ตั้งเป้าไว้เดือนละ 5 ยูนิต จำนวนลูกค้าที่แวะชมโครงการก็ยังไม่มากนัก" นายรุ่งรัตน์กล่าว
ชะลอเปิดโครงการ
นาย กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ฝ่ายก่อสร้างชะลอการสร้างบ้านเสร็จพร้อมโอนในสต๊อกลงแล้ว เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เร่งสร้าง เพราะกังวลปัญหาแรงงานขาดแคลน เนื่องจากปัจจุบันมีบ้านสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 20-30 ยูนิต จากทั้งหมด 4 โครงการ หรือเฉลี่ยโครงการละ 5-8 ยูนิต ถือว่าสต๊อกค่อนข้างมาก ดังนั้นช่วงครึ่งปีหลังต้องบริหารสต๊อกไม่เกิน 10-15 ยูนิตเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทเลื่อนเปิดตัวแนวราบ 2 โครงการด้วย คือ บ้านเดี่ยวทำเล ถ.ชัยพฤกษ์ ราคา 6-10 ล้านบาท และบ้านแฝด-ทาวน์โฮมในซอยท่าอิฐ ราคา 3-3.5 ล้านบาท ไปเป็นปี 2558 เพราะกำลังซื้อซบเซา ส่วนเป้ายอดขายและยอดรับรู้รายได้ตั้งไว้เท่ากันคือ 1.36 พันล้าน แต่แนวโน้มคาดว่าได้ 1,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปิดยอดรับรู้รายได้ 240 ล้านบาท
ทยอยหั่นเป้ายอดขาย
นายปรีชา กุลธรรมไพศาล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทเปี่ยมสุข เจ้าของโครงการบ้านเปี่ยมสุข ประกาศปรับลดจำนวนบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนเช่นกัน พร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันมีที่เปิดขายอยู่ 5 โครงการ มีสต๊อกบ้านสร้างเสร็จรวม 15-25 ยูนิต หรือเฉลี่ยโครงการละ 3-5 ยูนิต ปรับลดลง 40-50% เหลือไม่เกิน 10 ยูนิตเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่วนยอดขายสะสม 5 เดือนแรก ทำได้กว่า 200 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 1,000 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเป้า จึงเตรียมปรับลดให้เหลือ 900 ล้านบาท
นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ได้ปรับกลยุทธ์การขายบ้าน จากเดิมเน้นบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนรวม 30-40 ยูนิต จากที่เปิดขายอยู่ 5 โครงการ ปัจจุบันปรับลดบ้านสร้างเสร็จเหลือเพียง 15-20 ยูนิต
ส่วน อีก 15-20 ยูนิต ปรับมาเป็นบ้านสั่งสร้าง เพื่อให้เวลาลูกค้าได้ผ่อนดาวน์ 3-4 เดือน เป็นการลดความเสี่ยงไม่ให้มีสต๊อกบ้านมากขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยครึ่งปีหลังจะเน้น 2 ส่วน คือ 1.บริหารสต๊อกบ้าน 2.ควบคุมกระแสเงินสดไม่ให้มีปัญหา
สอดคล้องกับ นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฉลิมนคร จำกัด เจ้าของโครงการบ้านสถาพร รังสิต คลอง 3 ที่ได้ปรับลดจำนวนบ้านสร้างเสร็จในโครงการจาก 75 ยูนิต เหลือ 50 ยูนิต เพื่อให้สอดรับกับยอดขายจริง ส่วนบรรยากาศช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลัง คสช.บริหารประเทศ ปริมาณลูกค้าแวะชมโครงการน้อยลง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 10 กว่าราย คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 2 เดือนกว่ากำลังซื้อจะกลับคืนมา