ส.นายหน้าอสังหาฯ เผยตลาดอบ้านมือสองยอดขายฉิว หลังปัญหาการเมืองจบ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น ส่งผลยอดขายบ้านมือสองขยายตัว 10-15% วอนรัฐออกมาตรการ ดอกเบี้ย ภาษี และค่าธรรมเนียมโอนหนุนอย่างถาวร มั่นใจจะช่วยกระตุ้นการซื้อ-ขายอสังหาฯ ทั้งระบบ ย้ำจุดอ่อนนายหน้าไทยขาดไลเซนส์ ห่วงเสียเปรียบต่างชาติหลังเปิดเออีซี
นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ทิศทางตลาดบ้านมือสองเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นมา หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งทำให้สถานการณ์การเมืองสงบ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยให้เร็วขึ้น ทำให้ตลาดรวมในช่วงไตรมาสที่ 2 ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ประชาชนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยง่ายขึ้น หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้ตลาดมีความเคลื่อนไหวในทิศทางบวก มีการขยายตัวด้านการขายประมาณ 10-15% อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น เศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ มากขึ้น หรือแม้เรื่องการส่งออกที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้มีเงินเข้าประเทศ ประชาชนก็จะมีเงินเข้ามาใช้จ่ายในธุรกิจอสังหาฯ
นอกจากนี้ หากอัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านถูกลงกว่านี้น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้ ที่สำคัญ ภาครัฐน่าจะมีมาตรการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอน และภาษีอย่างถาวร น่าจะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งใหม่ และมือสองดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 56 ที่ตลาดบ้านมือสองซบเซาจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 57 นี้ นายหน้าที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ทั้งหลักสูตรของสมาคมฯ และร่วมกับองค์กรอื่นๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง หากเศรษฐกิจดีและประชาชนมีกำลังซื้อตลาดบ้านมือสองจะกลับมาคึกคักอีกครั้งจะได้มีความพร้อมในการทำงาน โดยเฉพาะหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
สมาคมฯตระหนักถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความแตกต่างระหว่างมาตรฐานการทำงาของนายหน้าในระดับนานาชาติ ที่มีความพร้อมมากกว่าทั้งเรื่องของเม็ดเงินในการลงทุน รวมทั้งการมีไลเซนส์ให้แก่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์แล้ว ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ จึงอาจมีความเสียเปรียบต่างชาติในด้านต่างๆ
ขณะนี้ สมาคมฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการดูและ และควบคุมจรรยาบรรณและมาตรฐานการทำงานของนายหน้าอสังหาฯ ที่เป็นสมาชิก รวมทั้งมีนโยบายในการพัฒนาความรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องต่อการทำธุรกิจบ้านมือสองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะทำงานแข่งขันกับต่างชาติได้ ในขณะที่นายหน้าทั่วไปที่ไม่มีสังกัดน่าจะทำงานยากขึ้น เนื่องจากประชาชนและลูกค้าจะขาดความเชื่อมั่น เนื่องจากการแข่งขันของธุรกิจในอนาคตผู้บริโภคมีโอกาสเปรียบเทียบ และเลือกใช้บริการกับนายหน้าที่ได้มาตรฐานมากเท่านั้น
โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับนายหน้าจากสิงคโปร์ซึ่งมีไลเซนส์เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้แล้วการที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายส่งผลให้ปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ ผ่านนายหน้ามีไม่มากเหมือนกับต่างประเทศ เพราะการมีกฎหมายรองรับจะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ และไว้วางใจซื้อ-ขายผ่านนายหน้ามากขึ้น หากเปรียบเทียบกับประเทศในตะวันตกอย่างสหรัฐฯ ที่การซื้อ-ขายบ้านมือสองนั้นผ่านนายหน้าเกือบ 100% ในขณะที่ประเทศไทยผ่านนายหน้าเพียงประมาณ 30% ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับการทำธุรกรรมในประเทศที่มีกฎหมายควบคุมการทำงานของนายหน้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ยังไม่มี พ.ร.บ.นายหน้าอสังหาฯ ทางสมาคมพยายามหามาตรการต่างๆ มาช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในตัวนายหน้าที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ โดยได้ร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) และมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ในการจัดมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ โดยแบ่งความสามารถของนายหน้าออกเป็นระดับต่างๆ ตามความสามารถ ตั้งแต่ระดับพนักงาน จนถึงผู้บริหารองค์กร เพื่อสร้างมาตรฐานให้ประชาชนยอมรับและเลือกใช้บริการได้อย่างมั่นใจ