ผู้สื่อข่าวสำรวจความเคลื่อนไหวการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดหัวเมืองหลักภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดชลบุรีและเชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดหัวเมืองหลักของภาคเหนือและตะวันออก พบว่าจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผู้ประกอบการต่างชะลอการขึ้นโครงการ เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่าหลังจากปัญหาการเมืองเริ่มสงบ แนวโน้มการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะทวีความร้อนแรงมากขึ้น โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้แก่ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์หรือ "คิวเฮ้าส์" บมจ.ศุภาลัย และ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ทยอยซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อเตรียมเปิดโครงการใหม่กันคึกคัก
คิวเฮ้าส์บุก 4 โครงการรวด
แหล่งข่าวจาก บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ หรือ "คิวเฮ้าส์" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหาการเมืองที่เริ่มสงบส่งผลให้ยอดขายบ้านและคอนโดมิเนียมกลับมาดีขึ้น ช่วงครึ่งปีหลังคิวเฮ้าส์จะขยายการลงทุนในภูมิภาคให้มากขึ้น เน้น จ.ชลบุรีเป็นแหล่งนิคมอุตสาหกรรมและเมืองท่องเที่ยว โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ ได้แก่ 1) ทำเลศรีราชา 2 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ เจาะกลุ่มคนท้องถิ่นและคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม 2) ทำเลตลาดบ้านบึง 1 โครงการ มีที่ดิน 20 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป และ 3) ทำเลรอบนอกมีที่ดิน 80 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ราคา 2 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาบริษัทเปิดโครงการทาวน์เฮาส์เดอะทรัสต์ ทาวน์ บ่อวิน ราคาเฉลี่ย 2 ล้านบาท ปิดยอดขายได้ 50 ยูนิต มูลค่าขาย 100 ล้านบาท จากเป้ายอดขายรวม 2 พันล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ช่วง 6 เดือนแรก ปิดยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท จากเป้า 2.14 หมื่นล้านบาท มียอดรับรู้รายได้ 50% ของประมาณการทั้งปี 2 หมื่นล้านบาท โดยลูกค้าที่เคยลังเลจากปัญหาการเมืองเริ่มกลับมาตัดสินใจซื้อบ้านอีกครั้ง ช่วงไตรมาส 4 นี้บริษัทจึงวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 10 โครงการ จากแผนเดิมวางไว้ 7 โครงการ อาทิ โครงการคอนโดฯ คิว ติดสถานีรถไฟฟ้านานา จำนวน 200 ยูนิต ราคาตารางเมตรละ 3 แสนบาท หรือเฉลี่ยยูนิตละ 25 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท จะเร่งให้ทันภายในไตรมาส 4 นี้ รวมถึงโครงการคอนโดฯ เดอะทรัสต์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเอราวัณ ส่วนต่อขยายสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการ
"ถ้าการเมืองยังนิ่งแบบนี้ไปถึงสิ้นปี ไตรมาส 4 นี้จะแข่งขันกันดุเดือดแน่ เชื่อว่ารายใหญ่ที่เคยชะลอการเปิดโครงการช่วงครึ่งปีแรกจะเร่งเปิดตัวกันเต็มที่ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่อย่างชลบุรี"
พฤกษาฯรุกเชียงใหม่-ชลบุรี
นายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังบริษัทจะขยายการลงทุนในต่างจังหวัดมากขึ้น ใน จ.เชียงใหม่และชลบุรี ล่าสุดซื้อที่ดิน จ.เชียงใหม่เป็นครั้งแรกจำนวน 2 แปลง เตรียมพัฒนาไตรมาส 4 นี้ โดยที่ดินแปลงแรกอยู่ใกล้สนามบิน แปลงที่ 2 อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ละแปลงมีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ จะพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮาส์แบรนด์ "พฤกษาวิลล์" เตรียมเปิดตัวไตรมาส 4 นี้ เฉลี่ยโครงการละ 200 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย120 ตารางเมตร ราคายูนิตละ 2 ล้านต้น ๆ จับกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน อาจารย์มหาวิทยาลัยมีเงินเดือน 3 หมื่นบาท ซึ่งภาพรวมธุรกิจอสังหาฯใน จ.เชียงใหม่ปี 2556 มีมูลค่าขายรวม 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นตลาดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 6-7 พันล้านบาทและคอนโดฯ 8-9 พันล้านบาท ซึ่งตลาดคอนโดฯ โอเวอร์ซัพพลาย
ส่วน จ.ชลบุรีกำลังหาซื้อที่ดินแปลงใหม่เพื่อพัฒนาทาวน์เฮาส์ จากปัจจุบันมีทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวเปิดตัวรวม 6 โครงการ ได้แก่ พัทยา ศรีราชา ตลาดหนองมน และตัวเมืองชลบุรี ราคายูนิตละ 1.5-4 ล้านบาท รวมประมาณ 1 พันยูนิต โดยปี 2556 ภาพรวมยอดขายอสังหาฯ ในจ.ชลบุรีมีมูลค่า 6-7 หมื่นล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ยังมองหาที่ดินใน จ.ระยองเพื่อพัฒนาทาวน์เฮาส์อีกด้วย สำหรับยอดขายรวมของพฤกษาฯ ช่วง 6 เดือนแรกทำได้กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จากเป้าทั้งปี 4.5 หมื่นล้านบาท เป็นยอดขายกลุ่มทาวน์เฮาส์กว่า 8 พันล้านบาท
ศุภาลัยเปิดคอนโดฯ เชียงใหม่
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังจะรุกพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองหลักตามแผนที่วางไว้ หลังการเมืองเริ่มสงบ ในไตรมาส 3 จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมศุภาลัย มอนเต้ 2 จ.เชียงใหม่ ราคาเฉลี่ยยูนิตละกว่า 1-2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท โดยมองว่าภาพรวมอสังหาฯ 1 เดือนที่ผ่านมาเริ่มเห็นกำลังซื้อฟื้นตัว ซึ่งเป็นโครงการคอนโดฯ ต่อเนื่องจากโครงการศุภาลัย มอนเต้ @ เวียงเชียงใหม่ ที่เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาบนทำเลถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ไตรมาส 4 นี้ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะเปิดตัวคอนโดฯ นอร์ท 7 เชียงใหม่ บนที่ดิน 1.6 ไร่ 57 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 2.6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาท
