เชื่อมั่นฟื้นเงินนอกทะลักแสนล้าน ป่วนตลาดดันค่าบาทแข็งช่วงสั้น

2014-07-25

ประชาชาติธุรกิจ" ได้รวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ รวมถึงค่าเงินบาท ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ดูตาราง) พบว่า ในช่วงเดือน ก.ค. (2-22 ก.ค.) ต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 18,767 ล้านบาท และตลาดบอนด์ 77,053 ล้านบาทรวมเงินต่างชาติที่ไหลเข้าประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 2.15% ซึ่งสถานการณ์แตกต่างจากช่วงเดือน พ.ค. ที่ปัญหาการเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤตจนทำให้ "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" (คสช.) ต้องเข้ามายึดอำนาจในช่วงวันที่ 22 พ.ค. 2557ซึ่งต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น-บอนด์ และค่าเงินบาทก็อ่อนค่าลง 0.95% ขณะที่ล่าสุด เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดยวันที่ 22 ก.ค. 2557 ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 31.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าสูงสุดนำภูมิภาค เป็นผลจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ (บอนด์) สูงถึง 2.4 หมื่นล้านบาท

ระวังเก็งกำไรปั่นตลาดผันผวน

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย สายบริหารความเสี่ยง ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า การไหลเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในครั้งนี้เริ่มเห็นทิศทางที่เปลี่ยนไป โดยเน้นลงทุนพันธบัตรระยะยาวสูงขึ้นมาก ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ส่วนตัวแล้วเกรงว่าจะยังเป็นการเก็งกำไรจากการทำ Over The Counter (OTC) ซึ่งเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายตกลงต่อรองราคากันได้เอง โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตร จะทำให้ตลาดผันผวนหนัก ดังนั้นจึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด"แม้ต่างชาติจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะ 10 ปี แต่บางส่วนก็ขายก่อน ถือเป็นการเข้ามาลงทุนเพื่อเก็งกำไรที่มีช่องว่างที่พอทำได้บ้าง ปัจจุบันการถือครองหน่วยลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดบอนด์ของไทยยังมีสัดส่วนน้อยประมาณ 10% เทียบกับมาเลเซียและอินโดนีเซียอยู่ที่ 30% จึงยังมีโอกาสที่จะเห็นการไหลเข้ามาได้อีก แต่จากนี้คงต้องจับตาว่าจะลงทุนยาวนานแค่ไหน แต่ระยะสั้นค่าเงินคงผันผวนหนัก" นายอมรเทพกล่าวด้านนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.มีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างมากทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทำให้ค่าเงินมีความผันผวนในระยะสั้น แต่คาดว่าในปลายปีจะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง โดยให้กรอบที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์ จากนั้นอาจอ่อนค่าลงอีกในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 จากแรงคาดการณ์ของนักลงทุนต่อปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจอ่อนไปถึง 33.50 บาท/ดอลลาร์ ก่อนจะเริ่มนิ่งอีกครั้งเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยเรียบร้อยในกลางปี 2558ส่วนนางสาวปารีณา พ่วงศิริ ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สถานการณ์นี้น่าจะเป็นการแข็งค่าระยะสั้น ๆ เนื่องจากมีเม็ดเงินบางส่วนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนซื้อสินทรัพย์เสี่ยงทั้งในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคเอเชียต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจในหลายประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันยังมีเม็ดเงินบางส่วนที่ถอนตัวออกมาจากรัสเซียจากความกังวลเรื่องสงคราม โดยพบว่าช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ นักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากรัสเซียราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2556 ตลอดทั้งปีที่นักลงทุนขายสินทรัพย์ทำกำไรทั้งปีราว 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ผลตอบแทนลงทุนไทยดีมาก

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (21 ก.ค. 57) ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น 2.4% โดยแข็งค่าขึ้นมากในเดือน ก.ค.ที่ 1.3% เป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสินทรัพย์ของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเดือน ก.ค. ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นมากส่วนการซื้อขายพันธบัตรสุทธิในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นถึง 7.95 หมื่นล้านบาท จากตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเข้ามาแล้ว 1.54 แสนล้านบาท ที่น่าสนใจคือเป็นการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวมากกว่า 1 ปี ถึง 22.9% และพันธบัตรระยะสั้นต่ำกว่า 1 ปี 18%ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดบอนด์และตลาดหุ้น เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน 3 เรื่อง ได้แก่ การย้ายเงินลงทุนจากตลาดที่พัฒนาแล้ว เข้าไปหาตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)ที่ราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น การปรับมุมมองเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของต่างชาติ และที่สำคัญคือแนวโน้มการสร้างผลตอบแทนของหุ้นไทยเริ่มดีขึ้น เพราะผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/2557 ดังนั้นในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า



ตลาดหุ้นไทยจึงมีทิศทางที่ดีสามารถลงทุนได้"เรายังไม่ได้ประมาณการว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปถึงระดับไหนแต่แนวโน้มก็น่าจะเกิดขึ้นได้อีกจากฟันด์โฟลว์ เนื่องจากเรามีเสถียรภาพทางการเมืองขึ้นมาระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามปัจจัยที่จะเร่งให้เงินทุนไหลเข้ามาในระยะถัดไป คงต้องขึ้นอยู่กับการประกาศนโยบายการคลัง และการตั้งรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งนี่คือสิ่งที่ต่างชาติจับตา" นายปริญญ์กล่าว

คาดทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง

นายสุชาติ ธนฐิติพันธ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่าการซื้อตราสารหนี้ของต่างชาติน่าจะเข้ามาต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ทั้งในโปรตุเกส สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เกิดความไม่สงบ ทั้งภาคการเงินและการเมือง ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินบางส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย ขณะเดียวกันเห็นว่าต่างชาติเข้ามาซื้อพันธบัตรไทยากกว่าประเทศอื่น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนถือว่าน่าลงทุนเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย จึงเห็นเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาถือทั้งระยะสั้นและระยะยาว นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ความเชื่อมั่นต่อการเมืองและเศรษฐกิจของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติปรับฐานะการลงทุนกลับเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับลดน้ำหนักความสำคัญด้านการลงทุนไทยลงไป โดยเริ่มเห็นเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรมากขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย.ต่อเนื่องถึงเดือน ก.ค. ซึ่งแตกต่างจากเดือน พ.ค.ที่เงินทุนไหลออก และเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในภูมิภาค

โดยแนวโน้มเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นถือว่ายังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคการแข็งค่าของเงินบาทในรอบนี้อาจเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการที่มีภาระเงินตราต่างประเทศ เช่น ต้องการซื้อเงินสกุลต่างประเทศเพื่อนำเข้าสินค้า หรือชำระคืนหนี้ต่างประเทศ หรือต้องการไปลงทุนต่างประเทศด้วย

Coppyright by www.homedd.co.th
โทรศัพท์ 0-2395-2045 โทรสาร 0-2702-8495
เลขที่ 43 ชั้น 1 ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ สมุทรปราการ 10270