“ผ่อนบ้านมาตั้งหลายปีจนหมดโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำแล้ว
กลายเป็นว่าแต่ละงวดต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเยอะเลย”
“ช่วงนี้เห็นโฆษณาโปรโมชั่นผ่อนบ้านดอกเบี้ยต่ำออกมาเยอะแยะ
ถ้าเรารีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านตอนนี้จะคุ้มมั้ย”
เป็นเรื่องปกติที่แต่ละธนาคารจะนำเสนอโปรโมชั่นของสินเชื่อบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำหรือเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงปีแรกๆ เพื่อจูงใจให้กู้เงินกับทางธนาคาร แต่พอหมดช่วงโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ย ที่ต้องชำระก็จะปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทำให้หลายๆ คน มองหาแนวทางประหยัดค่าดอกเบี้ยด้วยการพยายามผ่อนชำระหนี้สิน ให้หมดไปเร็วๆ โดยเอาโบนัสหรือเงินเดือนจากการทำงานมาจ่ายเพิ่มขึ้น ในแต่ละงวดเพื่อลดต้นลดดอกให้ได้มากที่สุด
ขอแนะนำให้ลองพิจารณาเรื่อง การรีไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นการกู้เงินก้อนใหม่ไปโปะหนี้ก้อนเก่า เพื่อลดภาระการผ่อนชำระ โดยมีสินทรัพย์หรือบ้านของเราหลังเดิมเป็นตัวค้ำประกัน ที่สำคัญคือ เราต้องพยายามหาเงื่อนไขการให้กู้ยืมที่ดีกว่าเดิม เช่น ดอกเบี้ยลดลง จำนวนเงินผ่อนต่อเดือนลดลง หรือระยะเวลาผ่อนนานขึ้น โดยทั่วไปธนาคารจะมีเงื่อนไขให้รีไฟแนนซ์ได้ หลังจากผ่อนบ้านไปแล้วเป็นเวลากี่ปี ซึ่งจะระบุไว้ให้ในสัญญากู้ เช่น ผ่อนชำระมาแล้วอย่างน้อย
3 - 5 ปี เป็นต้น ถ้าจะให้ดีลองทำตาม
“3 ขั้นตอน รีไฟแนนซ์อย่างไรให้มีกำไรคุ้มค่า” ก่อนตัดสินใจ ดังนี้
1เปรียบเทียบเงื่อนไขของธนาคารต่างๆ เนื่องจากกฎเกณฑ์ของแต่ละธนาคารไม่เหมือนกัน ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาคือ อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสินเชื่อที่จะรีไฟแนนซ์ จะต้อง ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยตลอด สินเชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งเงื่อนไขเรื่องจำนวนเงินผ่อนต่องวดที่ลดลง และระยะเวลาการผ่อนชำระที่นานขึ้น เพื่อคำนวณว่าจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้เรามากขนาดไหน
2.สำรวจค่าใช้จ่ายอื่นๆ การรีไฟแนนซ์ก็คล้ายกับการขอสินเชื่อใหม่ ดังนั้นเราก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใน
กระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจดจำนองหลักประกัน 1% ของวงเงินกู้ การประเมินมูลค่าหลักประกัน การทำประกันอัคคีภัย ซึ่งหลายๆ ธนาคารก็มักจะยื่นข้อเสนอประเภทฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อจูงใจให้ตัดสินใจเลือกรีไฟแนนซ์ด้วย ที่สำคัญคือ ต้องตรวจสอบเงื่อนไขการไถ่ถอนสินเชื่อจากธนาคารเดิมด้วยว่ากำหนดให้สามารถรีไฟแนนซ์ได้ตั้งแต่ปีที่เท่าไรของการกู้ เพราะถ้าผิดเงื่อนไขจะต้องจ่ายค่าปรับการไถ่ถอนก่อนกำหนดด้วย
3ตัดสินใจว่าจะรีไฟแนนซ์หรือไม่หลังจากได้ข้อมูลแหล่งเงินกู้ที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดแล้ว ก็ต้องวิเคราะห์ เพื่อตัดสินใจ โดยนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเปรียบเทียบกับจำนวนดอกเบี้ย ทั้งหมดที่เราจะประหยัดไปได้ หากดูแล้วคุ้มค่าต่อการรีไฟแนนซ์ ก็ติดต่อธนาคารและดำเนินการตามขั้นตอนได้เลย
ถ้าต้องการวงเงินสินเชื่อรีไฟแนนซ์สูงกว่ายอดสินเชื่อคงเหลือเดิม ให้ลองยื่นเอกสารกับธนาคารเป้าหมายอย่างน้อย 3 แห่งขึ้นไป จากนั้นเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้วงเงินสูงที่สุด ภายใต้เงื่อนไขการผ่อนชำระและค่าธรรมเนียมที่ใกล้เคียงกัน
หลังจากผ่อนบ้านจนครบกำหนดเวลาขั้นต่ำตามสัญญาเงินกู้แล้ว เรามีโอกาส และมีสิทธิในการตัดสินใจในเรื่องการรีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม เราต้องเปรียบเทียบ รายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ให้ดี เพราะไม่ได้มีแค่เรื่องของดอกเบี้ยที่ถูกลงเท่านั้น ยังมีเรื่องค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งเราจะต้องคำนวณความคุ้มค่า ก่อนตัดสินใจทุกครั้ง แต่ถ้าคำนวณแล้วเงินที่ประหยัดดอกเบี้ยไปไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียเวลา ก็ควรเลือกชำระเงินกู้กับธนาคารเดิมจนหมดสัญญาดีกว่า