นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) ว่า ได้มอบให้ สคบ.เชิญผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่มาทำความเข้าใจให้ตรงกันเกี่ยวกับกรณีการยึดเงินมัดจำ หรือเงินจองของลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้าขอสินเชื่อ จากธนาคารพาณิชย์แล้วถูกปฏิเสธ เพราะความสามารถในการผ่อนชำระไม่ถึงเกณฑ์ของธนาคารพาณิชย์
โดย สคบ.เตรียมที่จะออกกฎระเบียบมาบังคับ ให้ผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ต้องคืนเงินมัดจำ หรือเงินจองให้กับลูกค้าทุกกรณี เพราะ สคบ.ได้รับการร้องเรียนเรื่องลักษณะดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อนมาก ซึ่งเงินมัดจำหรือเงินจองบ้าน มีจำนวนสูงหลายพันบาทจนถึงหมื่นบาท
“ผมต้องการให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ว่ากรณีของเงินจองที่ผู้บริโภคจ่ายไป เมื่อลูกค้ายื่นเรื่องขอกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์แล้ว ไม่ได้รับอนุมัติเงินกู้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะยึดเงินมัดจำหรือเงินจองเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะประชาชนที่ซื้อบ้านแต่ละหลัง กว่าจะหาเงินมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เมื่อยื่นเรื่องกู้และจ่ายเงินค่าจองซื้อบ้านไปแล้ว จะด้วยความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ หรือภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ธนาคารพาณิชย์ ไม่อนุมัติสินเชื่อ ผู้ประกอบการจะเอาประเด็นนี้ นำอ้างแล้ว ยึดเงินจองไปอีก ไม่ถูกต้อง”
สำหรับการนัดผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ ที่จะนัดมาหารือกันครั้งนี้ เชื่อว่าผลที่ออกมาน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี โดย สคบ.ต้องจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันขึ้นมาเป็นการเฉพาะระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ และ สคบ. เพื่อให้เกิดความคุ้มครองระหว่างกัน ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้บริโภค ส่วนข้อกฎหมาย สคบ.จะกลับไปจัดทำระเบียบของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ออกกฎระเบียบมาให้ครอบคลุมถึงเรื่องเงินจองด้วย เพื่อให้การแก้ปัญหาดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จ และช่วยดูแลผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป
“ผมยังขอให้ สคบ.ไปประชาสัมพันธ์ข้อมูลและรายละเอียดการขอสินเชื่อบ้าน ที่ครอบคลุมถึงการทำสัญญาระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องว่า มีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร มีสิ่งใดที่ควรรู้ เป็นต้น