สมหมาย พร้อมไฟเขียวเพิ่มวงเงินปล่อยกู้บ้านผู้มีรายได้น้อยเป็นรายละ 2 ล้านบาท จากเดิม 1.5 ล้านบาท หลังพบตลาดบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทั้งทาวน์เฮาส์ และคอนโด ด้านผู้ประกอบการมีเฮ ช่วยดันยอดขายครึ่งปีหลัง
คลังพร้อมไฟเขียว ธอส. เพิ่มวงเงินปล่อยกู้บ้าน ผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทต่อราย จากเดิม 1.5 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดปล่อยกู้กว่า 5 พันล้าน กระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้านผู้ประกอบการตลาดบ้านทาวน์เฮาส์ และคอนโดขานรับ
นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. กล่าวว่า ธอส. เตรียมขอความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังเพื่อเพิ่มวงเงินกู้สำหรับผู้มีรายได้น้อย จากเดิมไม่เกินรายละ 1.5 ล้านบาท เป็นรายละไม่เกิน 2 ล้านบาทเนื่องจากราคาบ้านและคอนโดมิเนียมในตลาดปัจจุบันหาราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทค่อนข้างยาก โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ ดังนั้นการปรับเพิ่มวงเงินในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อยให้มีบ้านอยู่อาศัยตามนโยบายของรัฐบาล
ปัจจุบันโครงการสินเชื่อบ้าน ธอส. ชีวิตมีสุข มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.99% ต่อปี นาน 3 ปีแรก ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท วัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์ สามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 กันยายน 2558 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด
ด้านนายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า พร้อมพิจารณาเพิ่มวงเงินปล่อยกู้ผู้มีรายได้ให้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์หากขอมา เนื่องจากเห็นว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นมาก วงเงินกู้เดิมที่ 1.5 ล้านบาทต่อราย จึงถือว่าไม่เหมาะสม
นายธำรงค์ ปัญญาสกุลวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่าราคาบ้านที่อยู่ขายใหม่ในปัจจุบันมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับราคา 1.5 ล้านบาทในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางได้ เนื่องจากต้นทุนในส่วนของที่ดิน แรงงาน และวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงเห็นว่ารัฐบาลควรปรับเพิ่มวงเงินกู้ให้เหมาะสม
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวถือเป็นแนวคิดที่ดี สำหรับตลาดบ้านขนาดเล็ก และคอนโดมิเนียม
นางอังคณา กล่าวด้วยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 /2558 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 ยังคงมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 31,647 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 2557 ถึง 7.80%
สงผลยอดรวมของสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 804,992 ล้านบาท หรือขยายตัวจาก ณ สิ้นปี 2557 ถึง 1.35% ทำให้ธนาคารมีสินทรัพย์รวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2558 สูงถึง 853,102 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.41% จาก ณ สิ้นปี 2557 โดยธนาคารมียอดเงินฝากรวม 677,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.83% จาก ณ สิ้นปี 2557
คุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เหลือจำนวน 44,411 ล้านบาท คิดเป็น 5.52% ของสินเชื่อรวม ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2557 ที่ 5.36% เล็กน้อย แต่หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ 6.29% ของสินเชื่อรวม พบว่ามีการปรับตัวลดลงถึงประมาณ 0.77% ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 2,474 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.78% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557
และธนาคารมีสถานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2558 ที่แข็งแกร่ง โดยอยู่ที่ระดับ 17.92% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตั้งเอาไว้ที่ 8.50%
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
