คลัง” จัดหนักแสนล้านอัดฉีดตรงรายย่อย คาดใน 1 เดือนเห็นผล พร้อมใช้ลงทุนภาครัฐเป็นกลไกหลักขับเคลื่อน

2015-08-28
CB EIC คาดอัตราขยายตัว ศก.ปีนี้ ต่ำกว่าเป้าที่คาดไว้ 3% ขณะที่ รมว.คลัง มอบนโยบายส่วนราชการในสังกัด เร่งอัดฉีดเงินช่วยประชาชนรายย่อย พร้อมอัดเม็ดเงินนับแสนล้าน เพื่อช่วยเหลือในทุกด้าน เชื่อไม่เกิน 1 เดือนเห็นผล พร้อมเปิดแผน 3 ระยะในการฟื้นฟู ศก. โดยเน้นการลงทุนภาครัฐ เป็นกลไกหลักในการขับเคลืิ่อนเครื่องยนต์

น.ส.ธีรินทร์ รัตนภิญโญวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสกลยุทธ์ธุรกิจและอุตสาหกรรม และรักษาการคลัสเตอร์ส่งออก ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า SCB EIC คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้คงต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ร้อยละ 3 เป็นผลมาจากการส่งออกของไทยในสถานการณ์ปัจจุบันอาจติดลบมากกว่าร้อยละ 3 ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าให้ปรับลดลง โดยเฉพาะประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ เช่น จีน ที่เผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้การส่งออกสินค้าไปจีนลดลง

นอกจากนี้ การที่ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลง แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้อ่อนมากที่สุดทำให้ได้รับผลกระทบจากสินค้าไทยยังค่อนข้างแพง อีกทั้งผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ยางพารา ข้าว เหล็ก มีการปรับตัวลดลง และมูลค่าส่งออกลดลงตามด้วย ซึ่งโดยภาพรวมปีนี้การส่งออกไทยคงไม่กลับขึ้นมาเป็นบวกได้

ขณะที่ค่าเงินบาทในปีนี้มองว่าอาจจะเห็นอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่ากว่าเป้าที่ตั้งไว้ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นผลมาจากการที่แต่ละประเทศได้มีการปรับค่าเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศของตัวเอง และเป็นผลมาจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาแข็งแกร่งทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น อีกทั้งการลดค่าเงินหยวนของจีนส่งผลกระทบต่อค่าเงินทั่วโลกให้มีความผันผวน และส่งผลกระทบต่อการค้าขายของไทยในระยะสั้นด้วย ราคาสินค้าไทยแพงขึ้นเมื่อส่งไปจีน

ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลัง เพื่อเตรียมออกมาตรการระยะสั้นเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า เพื่อช่วยเหลือในระดับรากหญ้า ผ่านกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพราะมองว่า การช่วยเหลือชาวบ้านผู้มีปัญหาต้องการเงินทุน พึ่งพาเงินในระบบไม่ได้ ต้องอาศัยเงินกู้นอกระบบ หากรัฐบาลส่งเงินให้โดยตรงคาดว่าจะเป็นกลุ่มได้ใช้ในระบบ และหมุนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 เดือน เพราะกลุ่มรากหญ้าจะมีการใช้จ่ายเงินทันทีไม่ได้ มีการเก็บเงินเหมือนกลุ่มชนชั้นกลาง ที่เวลาไม่มั่นใจเศรษฐกิจจะไม่กล้าใช้เงินจะเก็บเงินไว้

สำหรับโครงสร้างซ่อมสร้าง ในโครงการลงทุนขนาดเล็ก เมื่อเร่งรัดการลงทุนสำหรับโครงการใหม่เริ่มในวันที่ 1 ต.ค.นี้ คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในพื้นที่เห็นผลในช่วง 3-4 เดือนหลังเริ่มปีงบประมาณ การช่วยเหลือดังกล่าวจะเป็นมาตรการระยะสั้น จากนั้นในช่วงต่อไป หรือเฟส 2 จะศึกษามาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทย และต่างชาติในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือลงทุนในด้านต่างๆ จากนั้นในเฟส 3 การดูแลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ ให้มีการเปิดประมูล เร่งรัดการลงทุน เพื่อสร้างพื้นฐานการลงทุนของประเทศให้มีศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า การเติมเงินกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน โดยธนาคารออมสิน พร้อมนำสภาพคล่องมาปล่อยกู้ให้กองทุนหมู่บ้านเกรด A, B วงเงินประมาณ 5.9 หมื่นปล่อยกู้ให้กองทุนใช้เงินหมู่บ้านละ 1 ล้านบาท โดยรัฐบาล สนับสนุนดอกเบี้ยให้เท่ากับต้นทุนดำเนินงาน คือ ร้อยละ 2.5 จากนั้นกองทุนหมู่บ้านนำไปปล่อยกู้ให้ประชาชนอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ครม.จะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง เบื้องต้นรัฐบาลจะให้คิดดอกเบี้ยผ่อนปรน เช่น ร้อยละ 0 ใน 6 เดือนแรก จากนั้นขยับเป็นร้อยละ 1.5-2 แล้วแต่ ครม.พิจารณา เพื่อไม่ให้สูงเหมือนที่ผ่านมา คือ ร้อยละ 5

ส่วนการเร่งรัดการลงทุนโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1ล้านบาท คาดว่างบประมาณซึ่งกระจายตามส่วนราชการประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และยังตั้งงบกลาง เพื่อซ่อมแซมสถานที่ส่วนราชการทั่วประเทศวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งแพกเกจขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งนี้เป็นการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบนับแสนล้านบาท
Coppyright by www.homedd.co.th
โทรศัพท์ 0-2395-2045 โทรสาร 0-2702-8495
เลขที่ 43 ชั้น 1 ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ สมุทรปราการ 10270